ปราการด่านแรกของเจ้าหญิงไซคี
คือการที่เทพีแอฟโฟรไดตี บัญชาให้นางแยกเมล็ดธัญญาหารซึ่งมีทั้งข้าวสาร ข้าวโอ๊ต
ข้าวโพด ข้าวบาร์เล่ย์ ถั่ว และงา ในยุ้งฉางออกแยกจากกันก่อนมืด เพื่อให้นกนางนวลของพระนางได้กิน
ไซคีถึงกับนิ่งงันไม่รู้จะคิดอ่านอย่างไร เพราะนางเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา
จะทำเรื่องเกินขีดจำกัดแบบนี้ได้อย่างไร
แต่นางก็กัดฟันแยกเมล็ดพืชอย่างยากเย็นเพียงเพราะอยากจะพบกับคิวปิดอีกสักครั้ง
คิวปิดทนดูชายาอย่างทุกข์ทรมานใจ
จนในที่สุดก็สั่งให้ฝูงมดเข้าไปช่วยเจ้าหญิงไซคีจนสามารถแยกธัญพืชออกจนครบก่อนมืด
เมื่อเทพีแอฟโฟรไดตีมาดูผลงานก็เคียดแค้นยิ่งขึ้น
เพราะรู้ว่าคนที่คอยช่วยเหลือไซคีอยู่เบื้องหลังก็คือโอรสองค์โปรดของพระนางเอง
เมื่อแผนร้ายแรกไม่สำเร็จ
เทพีแอฟโฟรไดตีจึงมีบัญชาให้ไซคีไปเก็บขนแกะทองคำจากฝูงแกะขนทอง อีกฝั่งของแม่น้ำซึ่งไหลรุนแรงเชี่ยวกราก
ไซคียืนอยู่ตรงฝั่งน้ำที่ไหลบ่าอย่างน่ากลัว แถมฝูงแกะก็มีท่าทางโหดร้ายยิ่งนัก
โชคดีที่เทพประจำแม่น้ำสงสาร จึงได้บอกให้ต้นกก ริมน้ำ กระซิบบอกไซคีว่า 'ให้รอจนถึงเย็น แม่น้ำจะไหลเอื่อยช้าลงให้นางข้ามไปได้โดยง่าย
พอดีกับฝูงแกะที่อิ่มแล้วก็จะเชื่อง ต้นกกนั้นจะไปเสียดสีเอาขนแกะมาให้
ให้นางเก็บขนทองที่ติดอยู่ตรงต้นกกไปแล้วกัน 'เมื่อไซคีทำตามลำดับขั้นตอนก็สามารถทำภารกิจที่สองได้ลุล่วง
ส่งผลให้เทพีแอฟโฟรไดตีกริ้วมากกว่าเดิม
เมื่อร้ายสองแผนที่ผ่านมาไม่สำเร็จ
เทพีแอฟโฟรไดตี จึงฉุกคิดแผนร้ายสุดท้ายมาได้ คือมอบผอบทองคำแก่ไซคี
ให้นางไปขอเครื่องประทินโฉมจากเทพีเพอร์ซิโฟเน เทพีแห่งยมโลก
ซึ่งหมายถึงให้ไซคีไปตาย เจ้าหญิงไซคีท้อแท้ใจอย่างมาก ที่เทพีแอฟโฟรไดตีชิงชังนางมากขนาดนี้
แถมพระสวามีที่นางทนลำบากเพื่อตามหาก็ไม่เหลียวแลนางแม้แต่น้อย นางจึงปลงใจ คิดกระโดดเหวเพื่อตายไปยมโลกด้วยทางลัด
คิวปิดตกใจมากเมื่อเห็นชายาจะทำอย่างนั้น
จึงกระซิบเอ่ยปลอบประโลมไซคีด้วยความรักอ่อนโยนที่มาจากใจ
ทำให้จิตใจที่สิ้นหวังของไซคีมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
เสียงปริศนาอันเป็นมิตรแนะนำวิธีไปยมโลกเอาไว้หลายประการ เช่น
เดินลัดเลาะไปตามภูเขาที่ลึกที่สุดจนกระทั่งถึงจุดที่เป็นประตูนรก ซึ่งจะมีเซอร์บิรัส สุนัขปีศาจเฝ้าอยู่
ให้เอาขนมปังและเหล้าองุ่นหลอกล่อมัน
จากนั้นก็ให้ติดค่าจ้างชารอนให้พาข้ามฟากน้ำสติกซ์ไปยังตำหนักเทพีเพอร์ซิโฟเน
และเมื่อได้เครื่องประทินโฉมนั้นมา ห้ามเปิดดูเด็ดขาด
ไซคีทำตามทุกประการ ยกเว้นประการสุดท้าย
นางเผลอเปิดผอบดูด้วยความสงสัยซึ่งเป็นปกติของมนุษย์ผู้หญิง ทำให้ควันประหลาดพุ่งใส่ไซคี
ภาพร่างของชายาล้มลงกับพื้น ทำให้หัวใจกามเทพหนุ่มแทบหยุดเต้น
คิวปิดซึ่งรอคอยนางที่หน้าทางออกจึงรีบโผบินมาเก็บ'ควันมนตราแห่งการหลับใหล'เก็บลงในผอบและปลุกให้ไซคีฟื้นขึ้น ทั้งคู่ดีใจอย่างสุดซึ้งที่ได้พบกันอีกครั้ง
คิวปิดสัญญาว่าจะไม่จากนางไปอีก และตำหนินางเรื่องความสงสัยที่ให้โทษแก่นางมาตลอด
ซึ่งไซคีก็ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง คิวปิดได้บอกให้ไซคีไปส่งผอบแก่เทพีแอฟโฟรไดตี
เพราะเขาก็มีภารกิจสำคัญที่ต้องไปสะสาง
กามเทพหนุ่มบินขึ้นเขาโอลิมปัสเพื่อไปวิงวอนทวยเทพให้เห็นแก่ความรักของเขา
ซึ่งเหล่าเทพก็เห็นใจในความทุกข์โศก ความยากลำบาก ความพยายาม
ที่คู่รักคู่นี้กระทำเพื่อความรัก เทพซุสจึงขอให้ เทพีแอฟโฟรไดตีเลิกเกลียดชังไซคีและยอมรับนางเป็นสาวงามที่สุด ทว่าช่วงเวลาชีวิตของมนุษย์นั้นไม่ยืนยาวนัก
ไซคีรู้ดีว่านางจำเป็นต้องตายในสักวัน
ไม่สามารถจะครองคู่กับคิวปิดซึ่งเป็นเทพตลอดไปได้
คิวปิดไม่อาจทำใจยอมรับได้ว่าต้องสูญเสียไซคีไปอีก
เหล่าเทพจึงได้มอบน้ำอมฤตแก่ไซคี ทำให้ไซคีกลายสภาพเป็นเทพีที่ไม่แก่และไม่ตาย
และสามารถอยู่ร่วมกับคิวปิดไปตลอดกาล
ท้ายสุด คิวปิดและไซคี มีธิดาด้วยกันหนึ่งองค์คือ
เดลิซิโอ