วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556





ปราการด่านแรกของเจ้าหญิงไซคี คือการที่เทพีแอฟโฟรไดตี บัญชาให้นางแยกเมล็ดธัญญาหารซึ่งมีทั้งข้าวสาร ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด ข้าวบาร์เล่ย์ ถั่ว และงา ในยุ้งฉางออกแยกจากกันก่อนมืด เพื่อให้นกนางนวลของพระนางได้กิน  ไซคีถึงกับนิ่งงันไม่รู้จะคิดอ่านอย่างไร เพราะนางเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา จะทำเรื่องเกินขีดจำกัดแบบนี้ได้อย่างไร แต่นางก็กัดฟันแยกเมล็ดพืชอย่างยากเย็นเพียงเพราะอยากจะพบกับคิวปิดอีกสักครั้ง
คิวปิดทนดูชายาอย่างทุกข์ทรมานใจ จนในที่สุดก็สั่งให้ฝูงมดเข้าไปช่วยเจ้าหญิงไซคีจนสามารถแยกธัญพืชออกจนครบก่อนมืด เมื่อเทพีแอฟโฟรไดตีมาดูผลงานก็เคียดแค้นยิ่งขึ้น เพราะรู้ว่าคนที่คอยช่วยเหลือไซคีอยู่เบื้องหลังก็คือโอรสองค์โปรดของพระนางเอง

เมื่อแผนร้ายแรกไม่สำเร็จ เทพีแอฟโฟรไดตีจึงมีบัญชาให้ไซคีไปเก็บขนแกะทองคำจากฝูงแกะขนทอง อีกฝั่งของแม่น้ำซึ่งไหลรุนแรงเชี่ยวกราก ไซคียืนอยู่ตรงฝั่งน้ำที่ไหลบ่าอย่างน่ากลัว แถมฝูงแกะก็มีท่าทางโหดร้ายยิ่งนัก โชคดีที่เทพประจำแม่น้ำสงสาร จึงได้บอกให้ต้นกก ริมน้ำ กระซิบบอกไซคีว่า 'ให้รอจนถึงเย็น แม่น้ำจะไหลเอื่อยช้าลงให้นางข้ามไปได้โดยง่าย พอดีกับฝูงแกะที่อิ่มแล้วก็จะเชื่อง ต้นกกนั้นจะไปเสียดสีเอาขนแกะมาให้ ให้นางเก็บขนทองที่ติดอยู่ตรงต้นกกไปแล้วกัน 'เมื่อไซคีทำตามลำดับขั้นตอนก็สามารถทำภารกิจที่สองได้ลุล่วง ส่งผลให้เทพีแอฟโฟรไดตีกริ้วมากกว่าเดิม
เมื่อร้ายสองแผนที่ผ่านมาไม่สำเร็จ เทพีแอฟโฟรไดตี จึงฉุกคิดแผนร้ายสุดท้ายมาได้ คือมอบผอบทองคำแก่ไซคี ให้นางไปขอเครื่องประทินโฉมจากเทพีเพอร์ซิโฟเน เทพีแห่งยมโลก ซึ่งหมายถึงให้ไซคีไปตาย เจ้าหญิงไซคีท้อแท้ใจอย่างมาก ที่เทพีแอฟโฟรไดตีชิงชังนางมากขนาดนี้ แถมพระสวามีที่นางทนลำบากเพื่อตามหาก็ไม่เหลียวแลนางแม้แต่น้อย นางจึงปลงใจ คิดกระโดดเหวเพื่อตายไปยมโลกด้วยทางลัด
คิวปิดตกใจมากเมื่อเห็นชายาจะทำอย่างนั้น จึงกระซิบเอ่ยปลอบประโลมไซคีด้วยความรักอ่อนโยนที่มาจากใจ ทำให้จิตใจที่สิ้นหวังของไซคีมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง เสียงปริศนาอันเป็นมิตรแนะนำวิธีไปยมโลกเอาไว้หลายประการ เช่น เดินลัดเลาะไปตามภูเขาที่ลึกที่สุดจนกระทั่งถึงจุดที่เป็นประตูนรก ซึ่งจะมีเซอร์บิรัส  สุนัขปีศาจเฝ้าอยู่ ให้เอาขนมปังและเหล้าองุ่นหลอกล่อมัน จากนั้นก็ให้ติดค่าจ้างชารอนให้พาข้ามฟากน้ำสติกซ์ไปยังตำหนักเทพีเพอร์ซิโฟเน และเมื่อได้เครื่องประทินโฉมนั้นมา ห้ามเปิดดูเด็ดขาด
           ไซคีทำตามทุกประการ ยกเว้นประการสุดท้าย นางเผลอเปิดผอบดูด้วยความสงสัยซึ่งเป็นปกติของมนุษย์ผู้หญิง ทำให้ควันประหลาดพุ่งใส่ไซคี ภาพร่างของชายาล้มลงกับพื้น ทำให้หัวใจกามเทพหนุ่มแทบหยุดเต้น คิวปิดซึ่งรอคอยนางที่หน้าทางออกจึงรีบโผบินมาเก็บ'ควันมนตราแห่งการหลับใหล'เก็บลงในผอบและปลุกให้ไซคีฟื้นขึ้น  ทั้งคู่ดีใจอย่างสุดซึ้งที่ได้พบกันอีกครั้ง คิวปิดสัญญาว่าจะไม่จากนางไปอีก และตำหนินางเรื่องความสงสัยที่ให้โทษแก่นางมาตลอด ซึ่งไซคีก็ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง คิวปิดได้บอกให้ไซคีไปส่งผอบแก่เทพีแอฟโฟรไดตี เพราะเขาก็มีภารกิจสำคัญที่ต้องไปสะสาง


กามเทพหนุ่มบินขึ้นเขาโอลิมปัสเพื่อไปวิงวอนทวยเทพให้เห็นแก่ความรักของเขา ซึ่งเหล่าเทพก็เห็นใจในความทุกข์โศก ความยากลำบาก ความพยายาม ที่คู่รักคู่นี้กระทำเพื่อความรัก เทพซุสจึงขอให้ เทพีแอฟโฟรไดตีเลิกเกลียดชังไซคีและยอมรับนางเป็นสาวงามที่สุด  ทว่าช่วงเวลาชีวิตของมนุษย์นั้นไม่ยืนยาวนัก ไซคีรู้ดีว่านางจำเป็นต้องตายในสักวัน ไม่สามารถจะครองคู่กับคิวปิดซึ่งเป็นเทพตลอดไปได้ คิวปิดไม่อาจทำใจยอมรับได้ว่าต้องสูญเสียไซคีไปอีก เหล่าเทพจึงได้มอบน้ำอมฤตแก่ไซคี ทำให้ไซคีกลายสภาพเป็นเทพีที่ไม่แก่และไม่ตาย และสามารถอยู่ร่วมกับคิวปิดไปตลอดกาล


ท้ายสุด คิวปิดและไซคี มีธิดาด้วยกันหนึ่งองค์คือ เดลิซิโอ  

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น